ที่ตั้งและขนาดจังหวัดนครราชสีมา
จังหวัดนครราชสีมา เป็นเมืองหน้าด่านที่เปรียบเสมือนประตูที่จะเปิดเข้าสู่อีสาน ในอดีตเคยเป็นหัวเมืองเจ้าพระยามหานครที่คอยควบคุมหัวเมืองชั้นนอก เจ้าเมืองถือศักดินา 10,000 ไร่ เท่ากับเมืองนครศรีธรรมราช (หัวเมืองฝ่ายใต้) และเมืองพิษณุโลก (หัวเมืองฝ่ายเหนือ) ทำหน้าที่จัดการปกครองหัวเมืองเขมรป่าดง และหัวเมืองอีสานทั้งปวง ในฐานะข้าหลวงต่างพระเนตรพระกรรณ ทำหน้าที่ปราบกบฏในภาคอีสานหลายครั้ง ที่ตั้งจังหวัดนครราชสีมาตั้งอยู่ระหว่าง เส้นรุ้งที่ 14 องศา 58 ลิปดา 12.5 พิลิปดา ถึง 15 องศา 46 ลิปดาเหนือ และเส้นแวงที่ 101 องศา 11 ลิปดา ถึง 102 องศา 06 ลิปดา และ 11 พิลิปดาตะวันออก หรือตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของภาคอีสาน ติดเขตแดนภาคกลาง ห่างจากกรุงเทพมหานครโดยทางรถยนต์ 255 กิโลเมตร หรือ 264 กิโลเมตร โดยทางรถไฟ จังหวัดนครราชสีมามีขนาดพื้นที่ประมาณ 20,494 ตารางกิโลเมตร หรือ 12,808,729 ไร่ มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดต่าง ๆ ดังนี้
1. ทิศเหนือ ติดต่อเขตจังหวัดชัยภูมิ ทางด้านอำเภอโนนไทย อำเภอแก้งสนามนาง และอำเภอบ้านเหลื่อม ติดต่อกับเขตจังหวัดขอนแก่น ทางด้านอำเภอบัวใหญ่และอำเภอประทายทิศใต้ ติดต่อเขตจังหวัดนครนายกด้านอำเภอสีคิ้ว และอำเภอวังน้ำเขียว มีภูเขาดงพญาเย็นกั้นเขตแดน จดเขตจังหวัดปราจีนบุรี ด้านอำเภอวังน้ำเขียว อำเภอครบุรี มีทิวเขาเขียวเขากบินทร์ เขาบรรทัด และเขาสันกำแพงกั้นเขตแดน
2. ทิศตะวันออก ติดต่อเขตจังหวัดบุรีรัมย์ด้านอำเภอประทาย อำเภอพิมาย อำเภอชุมพวงอำเภอจักราช อำเภอโชคชัย และอำเภอครบุรี
3. ทิศตะวันตก ติดต่อเขตจังหวัดชัยภูมิ ทางด้านอำเภอด่านขุนทด มีทิวเขาดงพญาเย็นกั้นเขตแดน ติดเขตจังหวัดสระบุรี ด้านอำเภอด่านขุนทด อำเภอสีคิ้ว และอำเภอปากช่อง
ลักษณะภูมิประเทศ
จังหวัดนครราชสีมาตั้งอยู่บนที่ราบสูง สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 200 – 300 เมตร ส่วน
ใหญ่เป็นที่ราบปริมาณน้ำฝนต่อปี เฉลี่ย 1,155 มิลลิเมตร สภาพดินส่วนมากเป็นดินร่วนปนทราย
เป็นดินชุดโคราช มีป่า ภูเขา และลำน้ำ ป่าไม้ประกอบไปด้วยไม้เต็ง ไม้รัง ไม้พลวง ไม้แดง ไม้
ตะเคียน ไม้ยาง ป่าดงดิบคือ ป่าเทือกเขาดงพญาเย็น
จังหวัดนครราชสีมา เป็นเมืองหน้าด่านที่เปรียบเสมือนประตูที่จะเปิดเข้าสู่อีสาน ในอดีตเคยเป็นหัวเมืองเจ้าพระยามหานครที่คอยควบคุมหัวเมืองชั้นนอก เจ้าเมืองถือศักดินา 10,000 ไร่ เท่ากับเมืองนครศรีธรรมราช (หัวเมืองฝ่ายใต้) และเมืองพิษณุโลก (หัวเมืองฝ่ายเหนือ) ทำหน้าที่จัดการปกครองหัวเมืองเขมรป่าดง และหัวเมืองอีสานทั้งปวง ในฐานะข้าหลวงต่างพระเนตรพระกรรณ ทำหน้าที่ปราบกบฏในภาคอีสานหลายครั้ง ที่ตั้งจังหวัดนครราชสีมาตั้งอยู่ระหว่าง เส้นรุ้งที่ 14 องศา 58 ลิปดา 12.5 พิลิปดา ถึง 15 องศา 46 ลิปดาเหนือ และเส้นแวงที่ 101 องศา 11 ลิปดา ถึง 102 องศา 06 ลิปดา และ 11 พิลิปดาตะวันออก หรือตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของภาคอีสาน ติดเขตแดนภาคกลาง ห่างจากกรุงเทพมหานครโดยทางรถยนต์ 255 กิโลเมตร หรือ 264 กิโลเมตร โดยทางรถไฟ จังหวัดนครราชสีมามีขนาดพื้นที่ประมาณ 20,494 ตารางกิโลเมตร หรือ 12,808,729 ไร่ มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดต่าง ๆ ดังนี้
1. ทิศเหนือ ติดต่อเขตจังหวัดชัยภูมิ ทางด้านอำเภอโนนไทย อำเภอแก้งสนามนาง และอำเภอบ้านเหลื่อม ติดต่อกับเขตจังหวัดขอนแก่น ทางด้านอำเภอบัวใหญ่และอำเภอประทายทิศใต้ ติดต่อเขตจังหวัดนครนายกด้านอำเภอสีคิ้ว และอำเภอวังน้ำเขียว มีภูเขาดงพญาเย็นกั้นเขตแดน จดเขตจังหวัดปราจีนบุรี ด้านอำเภอวังน้ำเขียว อำเภอครบุรี มีทิวเขาเขียวเขากบินทร์ เขาบรรทัด และเขาสันกำแพงกั้นเขตแดน
2. ทิศตะวันออก ติดต่อเขตจังหวัดบุรีรัมย์ด้านอำเภอประทาย อำเภอพิมาย อำเภอชุมพวงอำเภอจักราช อำเภอโชคชัย และอำเภอครบุรี
3. ทิศตะวันตก ติดต่อเขตจังหวัดชัยภูมิ ทางด้านอำเภอด่านขุนทด มีทิวเขาดงพญาเย็นกั้นเขตแดน ติดเขตจังหวัดสระบุรี ด้านอำเภอด่านขุนทด อำเภอสีคิ้ว และอำเภอปากช่อง
ลักษณะภูมิประเทศ
จังหวัดนครราชสีมาตั้งอยู่บนที่ราบสูง สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 200 – 300 เมตร ส่วน
ใหญ่เป็นที่ราบปริมาณน้ำฝนต่อปี เฉลี่ย 1,155 มิลลิเมตร สภาพดินส่วนมากเป็นดินร่วนปนทราย
เป็นดินชุดโคราช มีป่า ภูเขา และลำน้ำ ป่าไม้ประกอบไปด้วยไม้เต็ง ไม้รัง ไม้พลวง ไม้แดง ไม้
ตะเคียน ไม้ยาง ป่าดงดิบคือ ป่าเทือกเขาดงพญาเย็น
ภูเขาที่สำคัญ ได้แก่ ภูเขาดงพญาเย็น ภูเขาสันกำแพง ภูเขาดงเร็กลำน้ำมูล ได้แก่
1. ลำน้ำมูล ต้นน้ำเกิดจากเทือกเขาพงพญาเย็น และเทือกเขาพนมดงเร็ก กับเทือกเขาสัน
กำแพง ไหลผ่านอำเภอครบุรี อำเภอโชคชัย อำเภอจักราช อำเภอพิมาย อำเภอชุมพวง ไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่จังหวัดอุบลราชธานี
2. ลำมาศ ต้ำน้ำเกิดจากภูเขาดงเร็ก ไหลผ่านท้องที่อำเภอพิมาย อำเภอชุมพวง และไหลไปรวมกับแม่น้ำมูลที่อำเภอชุมพวง
3. ลำตะคอง ต้นน้ำเกิดที่บริเวณอุทยานแห่งชาติ เขาใหญ่ ผ่านอำเภอปากช่อง อำเภอสีคิ้ว อำเภอสูงเนิน อำเภอเมืองนครราชสีมา และอำเภอโนนสูง ไปรวมกับแม่น้ำมูลที่อำเภอจักราชเป็นลำน้ำที่ให้ประโยชน์ต่อการเพาะปลูก และการประปาในเขตเทศบาลเมืองนครราชสีมา
4. ลำพระเพลิง เป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำมูลที่สำคัญสาขาหนึ่ง ต้นน้ำเกิดจากเขาสันกำแพงในเทือกเขาพงพญาเย็น ทางตอนใต้ของอำเภอปักธงชัย ไหลอยู่เฉพาะในเขตพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ตลอดสายมีความยาวประมาณ 120 กิโลเมตร มีเขื่อนลำพระเพลิงที่จุน้ำได้ 199ล้านลูกบาศก์เมตร ชาวบ้านในเขตอำเภอปักธงชัย และอำเภอโชคชัยบางตำบล ได้อาศัยน้ำทำการเพาะปลูกและบริโภคแร่ธาตุ ที่สำรวจพบในท้องที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นต้นว่า เกลือหิน พบที่อำเภอโนนไทย พิมาย บัวใหญ่ โนนสูง และด่านขุนทด โปแตสเซียม พบที่อำเภอเมือง โนนสูง และพิมายทองแดง พบที่ตำบลจันทึก อำเภอปากช่อง ยิปซัม พบที่อำเภอโนนสูง ดินเหนียวแดง พบที่บ้านด่านเกวียน อำเภอโชคชัยป่าไม้ จากภาพถ่ายดาวเทียมในปี พ.ศ. 2528 พื้นที่ป่าไม้ของจังหวัดมีทั้งหมดประมาณ 2,826 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 1,766, 250 ไร่ ปัจจุบันพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาเป็นป่าสงวนแห่งชาติ 29 แห่ง มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 5,209,428.50 ไร่ อุทยานแห่งชาติ 2 แห่ง คืออุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และอุทยานแห่งชาติทับลานประวัติเมืองนครราชสีมาตามหลักฐานทางโบราณคดี พื้นที่จังหวัดนครราชสีมามีการค้นพบหลักฐานโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์หลายแห่ง เป็นต้นว่า ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ วัดเขาจันทร์งามอำเภอสีคิ้ว อายุประมาณ 4,000-5,000 ปี เป็นภาพคน 31 คน และสัตว์ 4 ตัว แหล่งโบราณคดีบ้านปราสาท อำเภอโนนสูง ขุดพบเครื่องปั้นดินเผายุคร่วมสมัยกับบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี ในสมัยทวารวดี ก็ปรากฏว่ามีอาณาจักรศรีจนาศะ เป็นอาณาจักรที่มั่นคงในบริเวณเมืองโคราช(เก่า) หลังพุทธศตวรรษที่ 16 เป็นต้นมา พบปราสาทหินพิมาย ปราสาทหินวัดพนมวัน แสดงว่าท้องที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นชุมชนเมืองขนาดใหญ่เจริญรุ่งเรืองเมืองมานาน ตั้งแต่ยุคโบราณแล้วในสมัยประวัติศาสตร์ไทย เมืองนครราชสีมา ปรากฏว่า เป็นเมืองสำคัญมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งกรุงศรีอยุธยาแล้ว กล่าวคือ สมเด็จพระนารายณ์ฯ (ครองราชย์ พ.ศ.2199-2231) ได้โปรดให้รวม “เมืองเสมา” ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งใต้ลำตะคอง (ปัจจุบันคือ ตำบลเสมา อำเภอสูงเนิน ห่างจากถนนมิตรภาพ 9 กิโลเมตร) กับเมือง “โคราฆปุระ หรือ เมืองโคราช” ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเสมาไปทางตะวันออกประมาณ 6 กิโลเมตร อยู่เหนือลำตะคอง (ปัจจุบันเป็นเมืองร้าง ห่างจากที่ว่าการอำเภอสูงเนินประมาณ 2–3 กิโลเมตร) โดยให้อพยพชาวเมืองทั้งสองมาสร้าง เมืองใหม่ ณ ริมลำตะคองทางทิศใต้อันเป็นที่ตั้งเทศบาลปัจจุบัน เปลี่ยนชื่อเป็น “นครราชสีมา” โปรดเกล้าฯ ให้พระยายมราช (สังข์) มาปกครอง ชาวเมืองยังถือว่าเป็นชาวเมือง “โคราช” ตามนามเดิมมาจนทุกวันนี้ กำแพงเมืองนครราชสีมาออกแบบโดยนายช่างชาวฝรั่งเศส ซึ่งรับราชการในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีป้อมคูล้อมรอบประตูเมืองทั้ง 4 ด้าน ทิศเหนือเรียกชื่อ “ประตู พลแสน” (หรือชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า “ประตูน้ำ”) ทิศใต้เรียกว่า “ประตูชัยณรงค์” (ชาวบ้านนิยมเรียกว่า “ประตูผี”) ทิศตะวันออก คือ “ประตูพลล้าน” และทิศตะวันตก คือ “ประตูชุมพล” เป็นที่ประดิษฐานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี คูเมืองนครราชสีมายังอยู่ครบทุกด้าน ส่วนกำแพงเมืองเก่าคงเหลืออยู่เฉพาะด้านประตูชุมพล ยาวประมาณ 15 วา เท่านั้นเมืองนครราชสีมามีเรื่องราวสำคัญเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เสมอมา เมื่อ พ.ศ. 2235 (ก่อนเสียกรุงครั้งที่ 2) ก็เกิดมีกบฏอ้ายบุญกว้าง ผู้วิเศษ ผู้คนเกรงกลัวคาถาอาคมมาก ทางกรุงศรีอยุธยา ต้องใช้เวลาปราบอยู่นาน ครั้นเมื่อเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่า ครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2310) กรมหมื่นเทพ พิพิธ ได้มาตั้งก๊กซ่องสุมไพร่พลที่เมืองพิมาย ระเจ้าตากสินต้องส่งเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (เมื่อครั้งดำรงพระยศเป็น พระราชวรินทร์) มาปราบในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมืองนครราชสีมา เป็นหัวเมืองชั้นเอก ถือศักดินาหมื่นไร่ เป็นที่ “พระยากำแหงสงคราม” สืบต่อมา ครั้นเมื่อ พ.ศ. 2369 เกิดกบฏเจ้าอนุวงศ์ เจ้าเมืองเวียงจันทร์ เมืองนครราชสีมา ก็เป็นกำลังสำคัญในการต่อสู้กับกบฎ จนเกิดวีรสตรี คือ “ท้าวสุรนารี”ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ทรงจัดปฏิรูปการปกครองหัวเมืองใหม่ พระยาน้องยาเธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ (ภายหลังสับเปลี่ยนกรมหลวงพิชิตปรีชากร) มาเป็นข้าหลวงมณฑล “ลาวกลาง” ก็ตั้งศูนย์บัญชาการที่เมืองนครราชสีมา มีเมืองต่าง ๆ เป็นเมืองขึ้น 13 เมืองเมื่อมีการจัดรูปการปกครองเป็นจังหวัด ทางราชการส่วนกลางได้จัดส่งข้าหลวง และผู้ว่าราชการจังหวัดผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาปกครองในปี พ.ศ. 2476 (ราวเดือนตุลาคม) ภายหลังเปลี่ยนการปกครอง พระองค์เจ้าบวรเดชฯ เสนาบดีกลาโหมในยุคนั้นก็ใช้ทหารเมืองนครราชสีมา เป็นฐานกำลังในการต่อสู้กับรัฐบาลกลางแต่ประสบความพ่ายแพ้ ในปี พ.ศ. 2524 กรณี “กบฎ 1 เมษายน 2524” จังหวัดนครราชสีมา โดยพลเอกเปรมติณสูลานนท์ และพลตรีอาทิตย์ กำลังเอก (ยศขณะนั้น) ก็ได้ตั้งศูนย์บัญชาการปราบกบฎ ที่กองทัพภาคที่ 2 จังหวัดนครราชสีมา และได้กราบบังคมทูล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระบรมราชินีนาถ พระเจ้าลูกยาเธอ เสด็จไปประทับแรมที่จังหวัดนครราชสีมา จนกว่าจะปราบกบฎที่กรุงเทพฯ ได้สงบราบคาบประชากรและการแบ่งเขตการปกครองจังหวัดนครราชสีมา เป็นจังหวัดที่มีประชากรมากเป็นอันดับสอง (รองจากกรุงเทพฯ) ของประเทศ ตามรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2542 แจ้งว่า จังหวัดนครราชสีมามีประชากรรวมทั้งสิ้น 2,579,286 คน แยกเป็นชาย 1,315,424 คน หญิง 1,263,862 คน แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 27 อำเภอ 5 กิ่งอำเภอ
1) อำเภอเมืองนครราชสีมา
2) อำเภอบัวใหญ่
3) อำเภอปากช่อง
4) อำเภอปักธงชัย
5) อำเภอสีคิ้ว
6) อำเภอโนนสูง
7) อำเภอพิมาย
8) อำเภอโชคชัย
9) อำเภอสูงเนิน
10) อำเภอครบุรี
11) อำเภอด่านขุนทด
12) อำเภอประทาย
13) อำเภอจักราช
14) อำเภอชุมพวง
15) อำเภอโนนไทย
16) อำเภอคง
17) อำเภอห้วยแถลง
18) อำเภอเสิงสาง
19) อำเภอขามทะเลสอ
20) อำเภอขามสะแกแสง
21) อำเภอบ้านเหลื่อม
22) อำเภอหนองบุนนาค
23) อำเภอแก้งสนามนาง
24) อำเภอโนนแดง
25) อำเภอวังน้ำเขียว
26) อำเภอสีดา
27) อำเภอเฉลิมพระเกียรติ
28) กิ่งอำเภอเทพารักษ์
29) กิ่งอำเภอเมืองยาง
30) กิ่งอำเภอพระทองคำ
31) กิ่งอำเภอลำทะเมนชัย
32) กิ่งอำเภอบัวลาย
การคมนาคม
จังหวัดนครราชสีมา มีการคมนาคมติดต่อกันภายในจังหวัด และภายนอกจังหวัด สะดวกทั้งทางบก (รถยนต์ รถไฟ) และทางอากาศทางรถยนต์มีทางหลวงแผ่นดินลาดยาง ติดต่อกับจังหวัดต่าง ๆ ได้หลายสาย เช่น
1) ถนนมิตรภาพ เป็นถนนสายหลักของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ติดต่อกับกรุงเทพฯเปิดใช้เป็นทางการ เมื่อ 10 กรกฎาคม 2501 ผ่านท้องที่อำเภอบัวใหญ่ ประทาย คง พิมาย โนนสูงจักราช เมืองนครราชสีมา ขามทะเลสอ สูงเนิน สีคิ้ว และอำเภอปากช่อง เข้าสู่สระบุรี และกรุงเทพฯ
2) ถนนสุรนารายณ์ เริ่มต้นจากอำเภอเมืองนครราชสีมา โนนไทย ผ่านท้องที่จังหวัดชัยภูมิมุ่งสู่จังหวัดลพบุรี
3) ถนนสายโชคชัย-เดชอุดม เริ่มต้นจากอำเภอเมืองนครราชสีมา ผ่านอำเภอโชคชัยและจังหวัดต่าง ๆ จนถึงอำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี
4) ถนนสายสีคิ้ว-ชัยภูมิ-เลย เริ่มต้นแยกจากถนนมิตรภาพที่อำเภอสีคิ้ว ผ่านอำเภอด่านขุนทด เข้าเขตจังหวัดชัยภูมิถึงจังหวัดเลยถนนมิตรภาพ เป็นถนนสายหลักของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ติดต่อกับกรุงเทพฯ เปิดใช้เป็นทางการ เมื่อ 10 กรกฎาคม 2501 ผ่านท้องที่อำเภอบัวใหญ่ ประทาย คง พิมาย โนนสูง จักราช เมืองนครราชสีมา ขามทะเลสอ สูงเนิน สีคิ้ว และอำเภอปากช่อง เข้าสู่สระบุรี และกรุงเทพฯ
5) ถนนสุรนารายณ์ เริ่มต้นจากอำเภอเมืองนครราชสีมา โนนไทย ผ่านท้องที่จังหวัดชัยภูมิมุ่งสู่จังหวัดลพบุรี
6) ถนนสายโชคชัย-เดชอุดม เริ่มต้นจากอำเภอเมืองนครราชสีมา ผ่านอำเภอโชคชัยและจังหวัดต่าง ๆ จนถึงอำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี
7) ถนนสายสีคิ้ว-ชัยภูมิ-เลย เริ่มต้นแยกจากถนนมิตรภาพที่อำเภอสีคิ้ว ผ่านอำเภอด่านขุนทด เข้าเขตจังหวัดชัยภูมิถึงจังหวัดเลยทางรถไฟตัวจังหวัดนครราชสีมาเป็นชุมทางรถไฟ คือ สายกรุงเทพฯ-หนองคาย แยกที่สถานีชุมทางถนนจิระ ผ่านอำเภอโนนสูง อำเภอคง อำเภอบัวใหญ่ ไปสู่ขอนแก่น-อุดรธานี-หนองคายสายกรุงเทพฯ-อุบลราชธานี แยกจากสายหลักที่ชุมทางถนนจิระ (ท้องที่อำเภอเมืองนครราชสีมา) ผ่านอำเภอจักราช อำเภอห้วยแถลง ไปสู่บุรีรัมย์-สุรินทร์-ศรีสะเกศ-อุบลราชธานีสายแก่งคอย-ชุมทางบัวใหญ่ ผ่านอำเภอบ้านเหลื่อม บรรจบกับสายกรุงเทพฯ-หนอคาย ที่ชุมทางบัวใหญ่การคมนาคมทางอากาศ มีเครื่องบินของบริษัท การบินไทย จำกัด บินติดต่อระหว่างสนามบินนครราชสีมา-กรุงเทพฯ และสนามบินจังหวัดต่าง ๆ ทุกวัน
1. ลำน้ำมูล ต้นน้ำเกิดจากเทือกเขาพงพญาเย็น และเทือกเขาพนมดงเร็ก กับเทือกเขาสัน
กำแพง ไหลผ่านอำเภอครบุรี อำเภอโชคชัย อำเภอจักราช อำเภอพิมาย อำเภอชุมพวง ไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่จังหวัดอุบลราชธานี
2. ลำมาศ ต้ำน้ำเกิดจากภูเขาดงเร็ก ไหลผ่านท้องที่อำเภอพิมาย อำเภอชุมพวง และไหลไปรวมกับแม่น้ำมูลที่อำเภอชุมพวง
3. ลำตะคอง ต้นน้ำเกิดที่บริเวณอุทยานแห่งชาติ เขาใหญ่ ผ่านอำเภอปากช่อง อำเภอสีคิ้ว อำเภอสูงเนิน อำเภอเมืองนครราชสีมา และอำเภอโนนสูง ไปรวมกับแม่น้ำมูลที่อำเภอจักราชเป็นลำน้ำที่ให้ประโยชน์ต่อการเพาะปลูก และการประปาในเขตเทศบาลเมืองนครราชสีมา
4. ลำพระเพลิง เป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำมูลที่สำคัญสาขาหนึ่ง ต้นน้ำเกิดจากเขาสันกำแพงในเทือกเขาพงพญาเย็น ทางตอนใต้ของอำเภอปักธงชัย ไหลอยู่เฉพาะในเขตพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ตลอดสายมีความยาวประมาณ 120 กิโลเมตร มีเขื่อนลำพระเพลิงที่จุน้ำได้ 199ล้านลูกบาศก์เมตร ชาวบ้านในเขตอำเภอปักธงชัย และอำเภอโชคชัยบางตำบล ได้อาศัยน้ำทำการเพาะปลูกและบริโภคแร่ธาตุ ที่สำรวจพบในท้องที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นต้นว่า เกลือหิน พบที่อำเภอโนนไทย พิมาย บัวใหญ่ โนนสูง และด่านขุนทด โปแตสเซียม พบที่อำเภอเมือง โนนสูง และพิมายทองแดง พบที่ตำบลจันทึก อำเภอปากช่อง ยิปซัม พบที่อำเภอโนนสูง ดินเหนียวแดง พบที่บ้านด่านเกวียน อำเภอโชคชัยป่าไม้ จากภาพถ่ายดาวเทียมในปี พ.ศ. 2528 พื้นที่ป่าไม้ของจังหวัดมีทั้งหมดประมาณ 2,826 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 1,766, 250 ไร่ ปัจจุบันพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาเป็นป่าสงวนแห่งชาติ 29 แห่ง มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 5,209,428.50 ไร่ อุทยานแห่งชาติ 2 แห่ง คืออุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และอุทยานแห่งชาติทับลานประวัติเมืองนครราชสีมาตามหลักฐานทางโบราณคดี พื้นที่จังหวัดนครราชสีมามีการค้นพบหลักฐานโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์หลายแห่ง เป็นต้นว่า ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ วัดเขาจันทร์งามอำเภอสีคิ้ว อายุประมาณ 4,000-5,000 ปี เป็นภาพคน 31 คน และสัตว์ 4 ตัว แหล่งโบราณคดีบ้านปราสาท อำเภอโนนสูง ขุดพบเครื่องปั้นดินเผายุคร่วมสมัยกับบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี ในสมัยทวารวดี ก็ปรากฏว่ามีอาณาจักรศรีจนาศะ เป็นอาณาจักรที่มั่นคงในบริเวณเมืองโคราช(เก่า) หลังพุทธศตวรรษที่ 16 เป็นต้นมา พบปราสาทหินพิมาย ปราสาทหินวัดพนมวัน แสดงว่าท้องที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นชุมชนเมืองขนาดใหญ่เจริญรุ่งเรืองเมืองมานาน ตั้งแต่ยุคโบราณแล้วในสมัยประวัติศาสตร์ไทย เมืองนครราชสีมา ปรากฏว่า เป็นเมืองสำคัญมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งกรุงศรีอยุธยาแล้ว กล่าวคือ สมเด็จพระนารายณ์ฯ (ครองราชย์ พ.ศ.2199-2231) ได้โปรดให้รวม “เมืองเสมา” ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งใต้ลำตะคอง (ปัจจุบันคือ ตำบลเสมา อำเภอสูงเนิน ห่างจากถนนมิตรภาพ 9 กิโลเมตร) กับเมือง “โคราฆปุระ หรือ เมืองโคราช” ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเสมาไปทางตะวันออกประมาณ 6 กิโลเมตร อยู่เหนือลำตะคอง (ปัจจุบันเป็นเมืองร้าง ห่างจากที่ว่าการอำเภอสูงเนินประมาณ 2–3 กิโลเมตร) โดยให้อพยพชาวเมืองทั้งสองมาสร้าง เมืองใหม่ ณ ริมลำตะคองทางทิศใต้อันเป็นที่ตั้งเทศบาลปัจจุบัน เปลี่ยนชื่อเป็น “นครราชสีมา” โปรดเกล้าฯ ให้พระยายมราช (สังข์) มาปกครอง ชาวเมืองยังถือว่าเป็นชาวเมือง “โคราช” ตามนามเดิมมาจนทุกวันนี้ กำแพงเมืองนครราชสีมาออกแบบโดยนายช่างชาวฝรั่งเศส ซึ่งรับราชการในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีป้อมคูล้อมรอบประตูเมืองทั้ง 4 ด้าน ทิศเหนือเรียกชื่อ “ประตู พลแสน” (หรือชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า “ประตูน้ำ”) ทิศใต้เรียกว่า “ประตูชัยณรงค์” (ชาวบ้านนิยมเรียกว่า “ประตูผี”) ทิศตะวันออก คือ “ประตูพลล้าน” และทิศตะวันตก คือ “ประตูชุมพล” เป็นที่ประดิษฐานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี คูเมืองนครราชสีมายังอยู่ครบทุกด้าน ส่วนกำแพงเมืองเก่าคงเหลืออยู่เฉพาะด้านประตูชุมพล ยาวประมาณ 15 วา เท่านั้นเมืองนครราชสีมามีเรื่องราวสำคัญเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เสมอมา เมื่อ พ.ศ. 2235 (ก่อนเสียกรุงครั้งที่ 2) ก็เกิดมีกบฏอ้ายบุญกว้าง ผู้วิเศษ ผู้คนเกรงกลัวคาถาอาคมมาก ทางกรุงศรีอยุธยา ต้องใช้เวลาปราบอยู่นาน ครั้นเมื่อเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่า ครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2310) กรมหมื่นเทพ พิพิธ ได้มาตั้งก๊กซ่องสุมไพร่พลที่เมืองพิมาย ระเจ้าตากสินต้องส่งเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (เมื่อครั้งดำรงพระยศเป็น พระราชวรินทร์) มาปราบในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมืองนครราชสีมา เป็นหัวเมืองชั้นเอก ถือศักดินาหมื่นไร่ เป็นที่ “พระยากำแหงสงคราม” สืบต่อมา ครั้นเมื่อ พ.ศ. 2369 เกิดกบฏเจ้าอนุวงศ์ เจ้าเมืองเวียงจันทร์ เมืองนครราชสีมา ก็เป็นกำลังสำคัญในการต่อสู้กับกบฎ จนเกิดวีรสตรี คือ “ท้าวสุรนารี”ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ทรงจัดปฏิรูปการปกครองหัวเมืองใหม่ พระยาน้องยาเธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ (ภายหลังสับเปลี่ยนกรมหลวงพิชิตปรีชากร) มาเป็นข้าหลวงมณฑล “ลาวกลาง” ก็ตั้งศูนย์บัญชาการที่เมืองนครราชสีมา มีเมืองต่าง ๆ เป็นเมืองขึ้น 13 เมืองเมื่อมีการจัดรูปการปกครองเป็นจังหวัด ทางราชการส่วนกลางได้จัดส่งข้าหลวง และผู้ว่าราชการจังหวัดผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาปกครองในปี พ.ศ. 2476 (ราวเดือนตุลาคม) ภายหลังเปลี่ยนการปกครอง พระองค์เจ้าบวรเดชฯ เสนาบดีกลาโหมในยุคนั้นก็ใช้ทหารเมืองนครราชสีมา เป็นฐานกำลังในการต่อสู้กับรัฐบาลกลางแต่ประสบความพ่ายแพ้ ในปี พ.ศ. 2524 กรณี “กบฎ 1 เมษายน 2524” จังหวัดนครราชสีมา โดยพลเอกเปรมติณสูลานนท์ และพลตรีอาทิตย์ กำลังเอก (ยศขณะนั้น) ก็ได้ตั้งศูนย์บัญชาการปราบกบฎ ที่กองทัพภาคที่ 2 จังหวัดนครราชสีมา และได้กราบบังคมทูล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระบรมราชินีนาถ พระเจ้าลูกยาเธอ เสด็จไปประทับแรมที่จังหวัดนครราชสีมา จนกว่าจะปราบกบฎที่กรุงเทพฯ ได้สงบราบคาบประชากรและการแบ่งเขตการปกครองจังหวัดนครราชสีมา เป็นจังหวัดที่มีประชากรมากเป็นอันดับสอง (รองจากกรุงเทพฯ) ของประเทศ ตามรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2542 แจ้งว่า จังหวัดนครราชสีมามีประชากรรวมทั้งสิ้น 2,579,286 คน แยกเป็นชาย 1,315,424 คน หญิง 1,263,862 คน แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 27 อำเภอ 5 กิ่งอำเภอ
1) อำเภอเมืองนครราชสีมา
2) อำเภอบัวใหญ่
3) อำเภอปากช่อง
4) อำเภอปักธงชัย
5) อำเภอสีคิ้ว
6) อำเภอโนนสูง
7) อำเภอพิมาย
8) อำเภอโชคชัย
9) อำเภอสูงเนิน
10) อำเภอครบุรี
11) อำเภอด่านขุนทด
12) อำเภอประทาย
13) อำเภอจักราช
14) อำเภอชุมพวง
15) อำเภอโนนไทย
16) อำเภอคง
17) อำเภอห้วยแถลง
18) อำเภอเสิงสาง
19) อำเภอขามทะเลสอ
20) อำเภอขามสะแกแสง
21) อำเภอบ้านเหลื่อม
22) อำเภอหนองบุนนาค
23) อำเภอแก้งสนามนาง
24) อำเภอโนนแดง
25) อำเภอวังน้ำเขียว
26) อำเภอสีดา
27) อำเภอเฉลิมพระเกียรติ
28) กิ่งอำเภอเทพารักษ์
29) กิ่งอำเภอเมืองยาง
30) กิ่งอำเภอพระทองคำ
31) กิ่งอำเภอลำทะเมนชัย
32) กิ่งอำเภอบัวลาย
การคมนาคม
จังหวัดนครราชสีมา มีการคมนาคมติดต่อกันภายในจังหวัด และภายนอกจังหวัด สะดวกทั้งทางบก (รถยนต์ รถไฟ) และทางอากาศทางรถยนต์มีทางหลวงแผ่นดินลาดยาง ติดต่อกับจังหวัดต่าง ๆ ได้หลายสาย เช่น
1) ถนนมิตรภาพ เป็นถนนสายหลักของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ติดต่อกับกรุงเทพฯเปิดใช้เป็นทางการ เมื่อ 10 กรกฎาคม 2501 ผ่านท้องที่อำเภอบัวใหญ่ ประทาย คง พิมาย โนนสูงจักราช เมืองนครราชสีมา ขามทะเลสอ สูงเนิน สีคิ้ว และอำเภอปากช่อง เข้าสู่สระบุรี และกรุงเทพฯ
2) ถนนสุรนารายณ์ เริ่มต้นจากอำเภอเมืองนครราชสีมา โนนไทย ผ่านท้องที่จังหวัดชัยภูมิมุ่งสู่จังหวัดลพบุรี
3) ถนนสายโชคชัย-เดชอุดม เริ่มต้นจากอำเภอเมืองนครราชสีมา ผ่านอำเภอโชคชัยและจังหวัดต่าง ๆ จนถึงอำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี
4) ถนนสายสีคิ้ว-ชัยภูมิ-เลย เริ่มต้นแยกจากถนนมิตรภาพที่อำเภอสีคิ้ว ผ่านอำเภอด่านขุนทด เข้าเขตจังหวัดชัยภูมิถึงจังหวัดเลยถนนมิตรภาพ เป็นถนนสายหลักของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ติดต่อกับกรุงเทพฯ เปิดใช้เป็นทางการ เมื่อ 10 กรกฎาคม 2501 ผ่านท้องที่อำเภอบัวใหญ่ ประทาย คง พิมาย โนนสูง จักราช เมืองนครราชสีมา ขามทะเลสอ สูงเนิน สีคิ้ว และอำเภอปากช่อง เข้าสู่สระบุรี และกรุงเทพฯ
5) ถนนสุรนารายณ์ เริ่มต้นจากอำเภอเมืองนครราชสีมา โนนไทย ผ่านท้องที่จังหวัดชัยภูมิมุ่งสู่จังหวัดลพบุรี
6) ถนนสายโชคชัย-เดชอุดม เริ่มต้นจากอำเภอเมืองนครราชสีมา ผ่านอำเภอโชคชัยและจังหวัดต่าง ๆ จนถึงอำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี
7) ถนนสายสีคิ้ว-ชัยภูมิ-เลย เริ่มต้นแยกจากถนนมิตรภาพที่อำเภอสีคิ้ว ผ่านอำเภอด่านขุนทด เข้าเขตจังหวัดชัยภูมิถึงจังหวัดเลยทางรถไฟตัวจังหวัดนครราชสีมาเป็นชุมทางรถไฟ คือ สายกรุงเทพฯ-หนองคาย แยกที่สถานีชุมทางถนนจิระ ผ่านอำเภอโนนสูง อำเภอคง อำเภอบัวใหญ่ ไปสู่ขอนแก่น-อุดรธานี-หนองคายสายกรุงเทพฯ-อุบลราชธานี แยกจากสายหลักที่ชุมทางถนนจิระ (ท้องที่อำเภอเมืองนครราชสีมา) ผ่านอำเภอจักราช อำเภอห้วยแถลง ไปสู่บุรีรัมย์-สุรินทร์-ศรีสะเกศ-อุบลราชธานีสายแก่งคอย-ชุมทางบัวใหญ่ ผ่านอำเภอบ้านเหลื่อม บรรจบกับสายกรุงเทพฯ-หนอคาย ที่ชุมทางบัวใหญ่การคมนาคมทางอากาศ มีเครื่องบินของบริษัท การบินไทย จำกัด บินติดต่อระหว่างสนามบินนครราชสีมา-กรุงเทพฯ และสนามบินจังหวัดต่าง ๆ ทุกวัน
- สภาพทางเศรษฐกิจ
จังหวัดนครราชสีมา เป็นจังหวัดใหญ่ เป็นทั้งแหล่งผลิตและแหล่งตลาดบริโภคที่ใหญ่เช่นกัน ประชากรร้อยละ 85 ประกอบอาชีพทางการเกษตรกรรม คือ ทำนา ทำไร่ ทำสวน และประกอบอาชีพอื่น ๆ อีกประมาณร้อยละ 15 ทำการค้าขายและอุตสาหกรรม พืชเศรษฐกิจที่สำคัญได้แก่ ข้าว ข้าวโพด เลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ปอ ฝ้าย ถั่วลิสง ถั่วเหลือง ถั่วเขียวผิวมัน งา อ้อย น้ำตาล ซึ่งปลูกเกือบทุกพื้นที่ของจังหวัด แหล่งปลูกที่สำคัญในอำเภอต่าง ๆ ดังนี้ ข้าว ปลูกมากที่สุดในอำเภอพิมาย พื้นที่เพาะปลูก 294,322 ไร่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปลูกมากที่สุดในอำเภอปากช่อง พื้นที่เพาะปลูก 702,432 ไร่มันสำปะหลัง ปลูกมากที่สุดในเขตอำเภอหนองบุนนาค พื้นทีเพาะปลูก 236,612 ไร่ข้าวฟ่างเลี้ยงสัตว์ ปลูกมากในเขตอำเภอด่านขุนทด พื้นที่เพาะปลูก 16,675 ไร่ฝ้าย ปลูกมากที่สุดในอำเภอปากช่อง พื้นที่เพาะปลูก 25,841 ไร่ถั่วเขียวผิวธรรมดา ปลูกมากที่สุดในอำเภอสูงเนิน พื้นที่เพาะปลูก 31,408 ไร่อ้อย ปลูกมากที่สุดในอำเภอปากช่อง พื้นทีเพาะปลูก 12,593 ไร่นอกจากนี้ ยังมีการทำไร่แตงโม ซึ่งปลูกมากในอำเภอโนนไทย ด่านขุนทด ประทาย การทำไร่ข้าวโพด น้อยหน่า ขนุน มะละกอ กล้วย ทำเป็นธุรกิจการค้า ส่งไปขายทั่วราชอาณาจักรปลูกมากที่อำเภอปากช่องการทอผ้าไหม ผ้าไหมปักธงชัย เป็นผ้าไหมที่มีชื่อเสียงของประเทศ ในท้องที่อำเภอปักธงชัยการทอผ้าไหมเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือง ทอผ้าด้วยเครื่องทอพื้นเมือง เป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน ทอผ้าด้วยเครื่องทอพื้นเมืองแบบง่าย ๆ ที่เรียกว่า “กี่กระตุก” ซึ่งจะมีอยู่เกือบทุกครัวเรือน ลักษณะเด่นของผ้าไหมปักธงชัย คือ เน้นเรื่องคุณภาพ และยังรักษาขั้นตอนกรรมวิธีการผลิตแบบพื้นเมืองเอาไว้ แต่จากความเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ การทอผ้าไหมได้ขยายไปสู่การผลิตแบบอุตสาหกรรม มีโรงงานทอผ้าไหมขนาดใหญ่ของบริษัท จิม ทอมสัน ไปตั้งอยู่ในเขตอำเภอปักธงชัย ทอผ้าไหมส่งเป็นสินค้าออกไปจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศ โดยไม่จำหน่ายตลาดภายในประเทศ ผ้าไหมปักธงชัยมีสีสันลวดลายสวยงาม นิยมนำมาตัดเย็บเสื้อผ้า นอกจากการทอผ้าตามบ้านเรือนแล้ว ยังมีร้านค้าผ้าไหมที่มีการทอผ้าด้วย กระจายอยู่ทั่วไปในเขตสุขาภิบาลปักธงชัย บริเวณริมถนนศรีพลรัตน์ ถนนเทพธงชัย และบริเวณใกล้เคียงเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน ทำกันมากที่บ้านด่านเกวียน ตำบลท่าอ่าง อำเภอโชคชัย ห่างจากตัวเมืองนครราชสีมาไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ 15 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 224 มีลักษณะเด่นและสำคัญ คือ สีเครื่องปั้นดินเผาเป็นสีดำ หรือน้ำตาลเข้ม ผิวเป็นมันคล้ายเคลือบเพราะดินมีแร่เหล็กปนอยู่ด้วย เมื่อเผาด้วยไฟแรงสูง ธาตุเหล็กจะละลายออกมาเคลือบผิว มีคุณสมบัติ แกร่ง ทนทาน ผลิตภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผา มีหลายรูปแบบ อาทิเช่น แจกัน กระเช้าปลูกต้นไม้แขวนกระถางปลูกต้นไม้ ตุ๊กตา โอ่งน้ำ กระเบื้องปูพื้น กระเบื้องประดับผนัง รูปปั้นประดับผนัง รูปปั้นประดับสนาม สถานที่ผลิต ตั้งอยู่หลังร้านจำหน่าย หรือกระจายอยู่ในหมู่บ้านด่านเกวียนการเลี้ยงสัตว์ จังหวัดนครราชสีมา มีการเลี้ยงสัตว์อยู่ทั่วไปในเขตอำเภอต่าง ๆ สัตว์ที่เลี้ยงส่วนใหญ่ ได้แก่ โค กระบือ สุกร เป็ด ไก่ ซึ่งเป็นการเลี้ยงไว้ใช้งาน และบริโภค ส่วนการเลี้ยงเพื่อการค้า ได้แก่ ฟาร์มโคนมโชคชัย ฟาร์มไก่ ฯลฯ การชลประทาน การเกษตรกรรมในจังหวัดนครราชสีมา ส่วนใหญ่อาศัยน้ำฝน น้ำจากแหล่ง น้ำธรรมชาติ การชลประทาน เป็นการจัดหาแหล่งน้ำ เพื่อช่วยในการเพาะปลูก เพิ่มผลการผลิต มีการชลประทานขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ
1) โครงการชลประทานทุ่งสัมฤทธิ์ ที่ทำการตั้งอยู่ที่คุ้งไทรงาม ลำน้ำมูล ตำบลในเมืองอำเภอพิมาย สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2499 ช่วยในการทำนา พื้นที่รับน้ำในอำเภอพิมาย โนนสูง จำนวนประมาณ 215,850
2) โครงการชลประทานลำพระเพลิง ตั้งอยู่ที่ตำบลตะคุ อำเภอปักธงชัย สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2510 เก็บกักน้ำได้ 149 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่รับน้ำ 76,900 ไร่ ฤดูฝนส่งน้ำหล่อเลี้ยงพื้นที่ได้ 57,000 ไร่ ฤดูแล้ง 40,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ในอำเภอปักธงชัย โชคชัย และบางส่วนของอำเภอเมืองนครราชสีมา
3) โครงการชลประทานลำตะคอง
- การอุตสาหกรรม
จังหวัดนครราชสีมา มีโรงงานอุตสาหกรรมที่เปิดกิจการในปี 2542 ทั้งสิ้น จำนวน 97โรงงาน เงินลงทุนทั้งสิ้น จำนวน 1,924,173,771 ล้านบาท มีคนงานทั้งสิ้น 3,515 คน โดยจำนวนโรงงานที่เปิดกิจการในปี 2542 ลดลงจากปี 2541 ร้อยละ 7.22 จำนวนมูลค่าเงินลงทุนลดลง ร้อยละ 59.94 ส่วนการจ้างงานเพิ่มขึ้น ร้อยละ 14.68
- ภาคเกษตรกรรม
จังหวัดนครราชสีมา มีประชากรประมาณ 2,579,289 คน ในจำนวนนี้มีประชากรที่ประกอบอาชีพทางด้านการเกษตร ประมาณ 1,237,309 คน หรือร้อยละ 49 ของประชากรทั้งหมด และมีพื้น ที่ทำการเกษตรทั้งสิ้น 9,763,268 ไร่จากการสำรวจข้อมูลพื้นฐานการเกษตรรายครัวเรือน (ชพก.) พบว่า เกษตรกรที่ดินเป็นของตัวเองมากที่สุด 4,688,343 ไร่ 226,021 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 76.97 ของพื้นที่การเกษตรทั้งหมด รองลงมาคือพื้นที่เช่าผู้อื่น 586,551 ไร่ 36,340 ครัวเรือน พื้นที่ทำการเกษตร จังหวัดนครราชสีมา มีพื้นที่การเกษตรในฤดูกาล เพาะปลูกมี 2542/43
- ภาคการค้าและบริการ
จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ประกอบการธุรกิจ ซึ่งจดทะเบียนนิติบุคคลประเภทต่าง ๆ จนถึงสิ้นปี 2542 ดังนี้
1. ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 56 ราย
2. ห้างหุ้นส่วนจำกัด จำนวน 3,832 ราย
3. บริษัทจำกัด จำนวน 1,814 ราย
4. ทะเบียนพาณิชย์ จำนวน 6,607 ราย
- ข้อมูลจาก : สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา/ข้อมูลพื้นฐานจังหวัด
- การจ้างงาน
- การไฟฟ้าและประปา
- สภาพทางสังคมและวัฒนธรรม
ชาวนครราชสีมาส่วนใหญ่ จัดอยู่ในกลุ่ม “วัฒนธรรมไทย” หรือ “ไทยโคราช” หรือ “ไทยเบิ้ง” เนื่องจากมีภาษาอาหารการกิน การแต่งกาย วิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่แตกต่างไปจากชาว “อีสาน” หรือพวก “ไทย-ลาว” โดยทั่วไป (ยกเว้นบางอำเภอ เช่น บัวใหญ่ ประทาย สูงเนิน) ไทยโคราชนี้ภาษาพูดจะใช้ภาษาไทยภาคกลาง เพียงแต่สำเนียงเพี้ยนเหน่อ และมีภาษาไทย-ลาว ปะปนอยู่บ้าง ชาวโคราชส่วนใหญ่นับถือพุทธศาสนา ตามสถิติปี พ.ศ. 2533 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า จังหวัดนครราชสีมา มีวัดพุทธ 1,435 วัด พระภิกษุ 13,952 รูป สามเณร 4,273 รูป มีพุทธศาสนิกชน 2,369,946 คน นับถืออิสลาม 954 คน มีมัสยิด 3 แห่ง นับถือคริสต์3,576 คน โบสถ์คาทอลิก 16 แห่ง โปรเตสแตนต์ 1 แห่ง
- การศึกษา
1. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (สช.) มีโรงเรียนสายสามัญ 61 โรง สายอาชีพที่จัดการศึกษาในระบบโรงเรียนมี 9 โรง โรงเรียนสายอาชีพที่จัดการศึกษานอกระบบโรงเรียน 30 โรง
2. โรงเรียนเทศบาล จัดการศึกษาในระดับก่อนประถมศึกษาและประถมศึกษา มีโรงเรียน 10 โรง
3. สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (สปช.) จัดการศึกษาในสายสามัญในระบบโรงเรียนตั้งแต่ระดับก่อนประถมศึกษา ถึงระดับประถมศึกษา มีโรงเรียน 1,324 โรง
4. กรมสามัญศึกษา จัดการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาสายสามัญ มีโรงเรียน 67 โรง
5. กรมอาชีวศึกษา จัดการศึกษาสายอาชีพทั้งในระบบโรงเรียน และนอกระบบโรงเรียนในระบบโรงเรียน จัดการศึกษาในระดับมัธยมศึกษา และอุดมศึกษา มีวิทยาลัย 3 แห่ง นอกระบบโรงเรียน จัดการศึกษาหลักสูตรระยะสั้น มีโรงเรียน 1 โรง
6. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน เดิมคือ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ วิทยาลัยเทคนิคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดสอนตั้งแต่ระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง จนถึงปริญญาตรี
7. มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา
8. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
9. สังกัดกระทรวงสาธารณะสุข ได้แก่ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมา
10. มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล (สถาบันอุดมศึกษาเอกชน)
11. วิทยาลัยนครราชสีมา (สถาบันอุดมศึกษาเอกชน)
12. มหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาเขตสารสนเทศนครราชสีมา
13. สถาบันพัฒนาบริหารศาสตร์ (NIDA)
14. สังกัดกรมการศึกษานอกโรงเรียน ซึ่งจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อการดำรงชีวิต เป็นการให้การศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา การให้การศึกษาเพื่อเสริมทักษะวิชาชีพ โดยจัดรวมกลุ่มประชาชนผู้สนใจมาฝึกอบรมทักษะในระยะสั้น นอกจากนี้ยังมีการให้บริการด้านข้อมูล ข่าวสาร การอาชีพ การตลาด จัดที่อ่านหนังสือพิมพ์ประจำหมู่บ้าน
- การสาธารณสุข
จังหวัดนครราชสีมามีสถานพยาบาลและสาธารณสุข ดังนี้โรงพยาบาลศูนย์ (โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา) 1 แห่ง เตียงคนไข้ 1,000 เตียงโรงพยาบาลชุมชน 20 แห่ง เป็นโรงพยาบาลประจำอำเภอและกิ่งอำเภอ มีเตียงคนไข้ 60 เตียง 4 แห่ง คือ โรงพยาบาลปากช่องนานา โรงพยาบาลสูงเนิน โรงพยาบาลพิมาย โรงพยาบาลบัวใหญ่ มีเตียงคนไข้ 30 เตียง 6 แห่ง คือ โรงพยาบาลสีคิ้ว โรงพยาบาลด่านขุนทด โรงพยาบาลชุมพวง โรงพยาบาลประทาย โรงพยาบาลปักธงชัย และโรงพยาบาลครบุรีนอกจากนั้นเป็นโรงพยาบาลขนาด 10 เตียง คือ โรงพยาบาลจักราช โรงพยาบาลเสิงสางโรงพยาบาลโนนสูง โรงพยาบาลห้วยแถลง โรงพยาบาลคง โรงพยาบาลขามสะแกแสง โรงพยาบาลโนนไทย โรงพยาบาลโชคชัย โรงพยาบาลขามทะเลสอ โรงพยาบาลบ้านเหลื่อม โรงพยาบาลหนองบุนนาก โรงพยาบาลแก้งสนามนางสถานพยาบาลของรัฐสังกัดกระทรวงอื่น ๆ คือ
โรงพยาบาลสุรนารี 400 เตียง
โรงพยาบาลกองบิน 40 เตียง
โรงพยาบาลเอกชน 5 แห่ง เตียงคนไข้ 370 เตียง
นอกจากนั้นยังมีสถานีอนามัย 247 แห่ง สถานีบริการสาธารณสุขชุมชน 10 แห่ง ศูนย์โภชนาการเด็ก 13 แห่ง ศูนย์บริการสาธารณสุขของเทศบาลเมืองนครราชสีมา สถานีอนามัยเทศบาลตำบลโนนสูง สถานีกาชาดที่ 4 ของสภากาชาดไทย สถานพยาบาลของสำนักงานชลประทานที่ 6 นครราชสีมา
- ร้านขายยา
ร้านขายยาแผนปัจจุบันเฉพาะยาบรรจุเสร็จ 189 แห่ง
ร้านขายยาแผนปัจจุบันบรรจุเสร็จสำหรับสัตว์ 6 แห่ง
ร้านขายยาแผนโบราณ 79 แห่ง
จำนวนบุคลากรทางการแพทย์ จังหวัดนครราชสีมา มีจำนวนแพทย์ 235 คน ทันตแพทย์34 คน เภสัชกร 47 คน พยาบาลวิชาชีพ 823 คน ผดุงครรภ์ 325 คน คิดเป็นอัตราเฉลี่ยจำนวนประชากรต่อแพทย์ 1 : 10,146 คน
- วัฒนธรรมทางภาษา
1. กลุ่มสังคมเก่า หรือกลุ่มคนไทยโคราช ภาษาที่ใช้คือ ภาษาโคราช
2. กลุ่มสังคมใหม่ เป็นกลุ่มที่เข้ามาอยู่ใหม่ ภาษาใช้ก็สุดแต่มาจากที่ใด
3. กลุ่มคนไทยอีสานมีลักษณะสังคมไทยกึ่งลาว ภาษาที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นภาษาลาว
- วัฒนธรรมการแต่งกาย
- การละเล่นพื้นเมือง
- ที่ตั้งของอำเภอโชคชัย
อาณาเขต
อำเภอโชคชัย มีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดนครราชสีมา คือ
ทิศเหนือ จดเขตอำเภอจักราช และอำเภอเมืองนครราชสีมา
ทิศใต้ จดเขตอำเภอครบุรี
ทิศตะวันออก จดเขตอำเภอหนองบุนนาก
ทิศตะวันตก จดเขตอำเภอปักธงชัย
อำเภอโชคชัยมีพื้นที่ทั้งหมด 403.417 ตารางกิโลเมตร มีพื้นที่มากเป็นอันดับที่ 18 ของจังหวัดนครราชสีมา
- ลักษณะทางกายภาพ
- ทรัพยากร
1. ลำน้ำมูล ซึ่งไหลผ่านตอนกลางของอำเภอ จากทิศใต้ตลอดจนถึงทิศเหนือ ทำให้บริเวณตอนกลางของอำเภอเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำ เป็นแหล่งผลิตข้าวที่สำคัญ ลุ่มน้ำมูลในเขตอำเภอโชคชัยมีความยาวประมาณ 30 กิโลเมตร
2. ลำพระเพลิง เป็นสาขาลำน้ำมูล เกิดจากเขตกิ่งอำเภอวังน้ำเขียว ไหลผ่านอำเภอปักธงชัยเข้ามายังเขตอำเภอโชคชัย และมารวมกับแม่น้ำมูลที่เป็นโนนเพชร และมีลำสาขาของลำพระเพลิงอีกหลายสาย เช่น ลำสำรวย ลำเชียงสา เป็นต้น
3. บึงพระ เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ เป็นที่ลุ่มน้ำท่วมของลำน้ำมูลและโกรกหว้าเป็นหนองบึงที่เป็นแหล่งทรัพยากรสัตว์และพืชน้ำที่สำคัญของอำเภอโชคชัยป่าไม้ ส่วนใหญ่เป็นป่าเบญจพรรณ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้และตะวันออกของอำเภอ ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ประดู่ มะค่า เต็งรัง เป็นต้น เนื่องจากถูกแผ้วถางเพื่อการทำไร่เป็นจำนวนมากปัจจุบันจึงเหลือพื้นที่ป่าไม้มากนัก
- ป่าสงวนแห่งชาติที่สำคัญ ได้แก่
1) ป่าสงวนแห่งชาติโชคชัย มีเนื้อที่ประมาณ 18,525 ไร่
2) ป่าสงวนแห่งชาติปักธงชัย-โชคชัย มีพื้นที่ประมาณ 78,750 ไร่
3) ป่าดงอีจานใหญ่ มีพื้นที่ประมาณ 605,187 ไร่
- ประวัติความเป็นมา
ในช่วงปลายกรุงศรีอยุธยา เมืองนครราชสีมาอ่อนแอลง เนื่องจากถูกตัดทอนกำลังในสมัยพระเพทราชาขึ้นครองราชย์ เจ้าเมืองนครราชสีมาไม่อ่อนน้อม จึงถูกปราบปรามและลดความสำคัญลง เมื่อกรุงศรีอยุธยาแตก พ.ศ.2310 ผู้นำคนไทยหลายแห่งได้ตั้งตัวเป็นอิสระหลายกลุ่ม ซึ่งเรียกกันว่า “ก๊ก” เช่น ก๊กพิษณุโลก ก๊กพระฝาง ก๊กเจ้าตาก ก๊กเจ้านคร และก๊กเจ้าพิมาย ก๊กเจ้าตากยึดเอาเมืองธนบุรีเป็นที่ตั้ง เมื่อต่อสู้ชนะพม่าได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ทรงพระนามว่า สมเด็จพระเพทราชาที่ 4 แต่ราษฎรทั่วไปเรียกว่า สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีพระเจ้ากรุงธนบุรียกทัพไปปราบก๊กเจ้าพิมายเมื่อ พ.ศ. 2311 โดยยกกำลังเป็น 2 ทางพระองค์เองยกมาทางด่านจอหอ และโปรดเกล้าฯ ให้พระมหามนตรีกับพระราชวรินทร์ยกกำลังเข้าทางด่านกระโทก กรมหมื่นเทพพิพิธ เจ้าเมืองพิมายก็ให้กองกำลังทัพออกมาต่อต้านทั้งสองด่านแต่สู้กำลังของกรุงธนบุรีไม่ได้ พระยาวรวงศาธิราช ซึ่งเป็นแม่ทัพที่ด่านกระโทกได้หนีไปเขมารด่านกระโทกยังเป็นด่านสำคัญตลอดสมัยกรุงธนบุรี และสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น จนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 มีการออกพระราชบัญญัติปกครองท้องที่ เมื่อ พ.ศ.2440 (ร.ศ.116) ด่านกระโทกมีฐานะเป็นแขวง ขึ้นกับเมืองปักธงชัย พ.ศ.2448 ยกฐานะขึ้นเป็นอำเภอ เรียกว่า “อำเภอกระโทก” พ.ศ.2450 แยกตำบลจรเข้หิน ตำบลสระตะเคียน และตำบลแชะ เป็น “กิ่งอำเภอแซะ”พ.ศ.2488 เปลี่ยนชื่อเป็น “อำเภอโชคชัย” ตามรัฐนิยม พ.ศ.2526 แยกตำบลหนองบุนนากขึ้นเป็น “กิ่งอำเภอหนองบุนนาก” ปัจจุบันที่ว่าการอำเภอตั้งอยู่ในเขตสุขาภิบาลโชคชัย ริมทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2071 (โชคชัย-ครบุรี)
- ด้านการปกครองและประชากร
- ด้านการปกครอง
1. ตำบล จำนวน 10 แห่ง
2. หมู่บ้าน จำนวน 124 แห่ง
3. เทศบาล จำนวน 2 แห่ง
4. อบต. จำนวน 10 แห่ง
- ด้านเศรษฐกิจ
1. อาชีพหลัก ได้แก่ เกษตรกรรม ทำเครื่องปั้นดินเผา เลี้ยงสัตว์ ค้าขาย รับจ้าง
2. อาชีพเสริม ได้แก่ หัตถกรรม ทอเสื่อ ผลิตภัณฑ์อาหาร
3. จำนวนธนาคาร มี 4 แห่ง ได้แก่
- ธนาคารกรุงไทย
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์
- ธนาคารออมสิน
- ธนาคารกรุงเทพ
- ด้านสังคม
1. โรงเรียนมัธยม ได้แก่ โรงเรียนโชคชัยสามัคคี โรงเรียนด่านเกวียนวิทยา
2. มหาวิทยาลัย ได้แก่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ด้านทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญของอำเภอ ทรัพยากรป่าไม้ มีพื้นที่ป่าไม้ที่สำคัญ ได้แก่
- ป่าสงวนแห่งชาติดงอีจานใหญ่ เนื้อที่ 605,187 ไร่
- ป่าสงวนแห่งชาติ ป่านครราชสีมา – ป่าปักธงชัยและโชคชัย เนื้อที่ 78,750 ไร่ อยู่ในเขตอำเภอโชคชัย 26,250 ไร่
- ป่าสงวนแห่งชาติ ป่านครราชสา – ป่าโชคชัย เนื้อที่ 18,365 ไร่ อยู่ในเขตอำเภอโชคชัย 9,262.5 ไร่
- ด้านประชากร
1. จำนวนประชากรทั้งสิ้น รวม 74,662 คน
2. จำนวนประชากรชาย รวม 36,437 คน
3. จำนวนประชากรหญิง รวม 38,225 คน
4. ความหนาแน่นของประชากร รวม 8.58 คน/ตร.กม.
- ด้านการเกษตร และอุตสาหกรรม
2. ชื่อแหล่งน้ำที่สำคัญ ได้แก่ (แม่น้ำ/บึง/คลอง) ลำมูล ลำแชะ
3. โรงงานอุตสาหกรรมที่สำคัญ ได้แก่
- บริษัท โคราชเดนกิ จำกัด ต.โชคชัย อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา
- บริษัท คาวาซูมิ จำกัด ต.โชคชัย อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา
- บริษัท ทาคาฮาชิ จำกัด ต.ท่าอ่าง อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา
- บริษัท มณฑิณีการ์เม้น จำกัด ต.ด่านเกวียน อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา
การพาณิชยกรรม ในเขตสุขาภิบาลประกอบอาชีพทางพาณิชยกรรม ได้แก่
ธนาคารพาณิชย์ 3 แห่ง
บริษัทและห้างหุ้นส่วนจำกัด 20 แห่ง
ร้านค้าและบริการ 110 แห่ง
สถานีบริการน้ำมันมาตรฐาน 4 แห่ง
- การท่องเที่ยว
- การบริการพื้นฐานการคมนาคม
มีทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 224 (นครราสีมา-เดชอุดม) ผ่านเป็นระยะทาง 35 กิโลเมตรและทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 24 (สีคิ้ว-วารินชำราบ) ผ่านไปยังอำเภอและจังหวัดใกล้เคียง
- ขนบธรรมเนียมประเพณี
ประชากรที่อาศัยอยู่ในอำเภอโชคชัย ส่วนใหญ่เป็นคนพื้นถิ่นโคราช ดังนั้นขนบธรรมเนียมประเพณีและภาษาพูดจึงเป็นแบบ “ไทยโคราช” ทั่วไป นามสกุลของประชาชนในเขตอำเภอโชคชัยจะพิเศษกว่าที่อื่น ๆ คือ จะลงท้ายด้วยคำว่า “กระโทก” ตามชื่ออำเภอเดิม (พ.ศ.2444-2488)และตั้งเรียงตามตัวอักษรจาก “ก-ฮ” ถ้าหมู่บ้านใดอยู่ใกล้อำเภอจะขึ้นต้นด้วยอักษร ก. และจะไล่เรียงลำดับไปจนถึง อักษร ฮ. จะอยู่ไกลอำเภอที่สุด การตั้งนามสกุลเช่นนี้มีเหตุผลว่าสะดวกในการปกครองท้องที่อย่างนามสกุลที่ลงท้ายด้วย “กระโทก” มีจำนวนมาก เช่น กิ่งกระโทก กอลกระโทก กำกระโทก เขียนกระโทก ครึบกระโทก จุ้ยกระโทก จิบกระโทก ชุ่มกระโทก ดีกระโทก โตกระโทก ป้องกระโทก เพิ่มกระโทก มองกระโทก ฯลฯ__